เผยแพร่:
ปรับปรุง:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เปเล่ หนึ่งในนักเตะระดับตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกดีกรีแชมป์โลก 3 สมัยปี 1958, 1962 และ 1970 กับทีมชาติบราซิล กำลังจะมีสารคดีเรื่องใหม่ฉายทาง Netflix โดยตอนนี้จะเปิดเผยเรื่องราวในมุมมืดที่แทบจะไม่เคยมีใครทราบมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นแข้งในด้านสว่างมีภาพลักษณ์สวยงาม ต่างกับ “เสือเตี้ย” ดิเอโก้ มาราโดน่า แห่งอาร์เจนติน่า ที่คือซาตานโลกลูกหนัง
เรื่องราวใน Netflix ที่กำลังจะฉายนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวโลดโผนนอกสนามเสียเป็นส่วนใหญ่ เปเล่ มีชื่อเต็มๆ ว่า เอ็ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต้ ครอบครัวมีฐานะยากจน แม้ว่าผู้เป็นพ่อคือ ดอนดินโญ จะเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรชั้นนำแห่งหนึ่งของรัฐ มินาส เจราอิส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล วัยเด็กมีของเล่นอย่างเดียวคือลูกบอลที่ทำจากถุงเท้ายัดข้างในด้วยกระดาษ ซึ่งฟุตบอลคือสิ่งเดียวที่จะนำพาชีวิตให้หลุดพ้นจากวงจรย่ำแย่นี้ และโชคดีที่พรสวรรค์ของเขาสามารถเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้จริงๆ
วัลเดอมาร์ เดอ บริโต้ โค้ชทีมเยาวชนเป็นคนที่เห็นแววและเหมือนเปิดประตูให้เด็กหนุ่มที่ไม่มีใครรู้จักไปยังก้าวแรกสู่สโมสร ซานโต๊ส ใครจะรู้ว่าเด็กวัย 15 ปีตอนนั้นจะยิ่งใหญ่เพียงนี้ ไม่กี่ปีจากนั้นเขาก้าวไปรับหมวกทีมชาติบราซิลใบแรกด้วยอายุแค่ 16 ปีเท่านั้นและด้วยวัย 18 ปีก็ได้แชมป์โลกสมัยแรกของตนเองเมื่อปี 1958 ซึ่งก็เป็นสมัยแรกของประวัติศาสตร์ชาติอีกด้วย ดังนั้นไม่ต้องบอกว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนและสปอตไลท์ทุกดวงนั้นจับจ้องมาที่เขา
ณ วินาทีจากนั้นชีวิตของ เปเล่ ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาออกจากบ้านไม่ได้เลยและมีผู้หญิงมาหาแทบทุกวัน ทุกอย่างวุ่นวายไปหมดและยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อเขาและทีมชาติบราซิลก้าวไปคว้าแชมป์โลก 2 สมัยติดต่อกันในปี 1962
ชีวิตนอกสนามเดือนกุมภาพันธ์ปี 1966 เปเล่ แต่งงานครั้งแรกในวัย 25 ปีกับสาวที่ชื่อ โรเซเมรี ดอส เรอิส โชลบี้ แน่นอนการเป็นภรรยาของนักเตะดังขนาดนั้นถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากแสนสาหัส เพราะย่อมมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาเสนอตัว อีกทั้งตอนนั้นทั้งคู่ก็อายุยังน้อยอ่อนต่อโลกนัก
ในปี 1966 เขาเล่าว่าชีวิตอยู่ในช่วงเศร้าโศกไม่อยากเป็น เปเล่ อีกต่อไป เพราะลิ้มรสการที่ บราซิล ตกรอบแบ่งกลุ่มศึก เวิลด์ คัพ เมื่อปี 1966 และมีความตั้งใจที่จะเลิกรับใช้ชาติ ก่อนที่หลายฝ่ายจะพยายามเกลี่ยกล่อม จนเมื่อปี 1970 ที่ เม็กซิโก ก็ยอมรับสารภาพลึกๆ ว่าไม่อยากให้กุนซือเลือกเขาเป็น 11 ตัวจริงลงสนามเลย ทว่าปีนั้น “แซมบ้า” ก้าวไปคว้าแชมป์โลกในรอบชิงชนะเลิศถล่ม อิตาลี 4-1 และเขายิงประตูได้ด้วย
ส่วนเรื่องส่วนตัวนั้นยังวุ่นวายไม่จบ เปเล่ แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่งก็ทำให้มีทายาทมากมาย แต่มันมากจนชนิดที่เจ้าตัวก็จำได้ไม่หมด ยังไม่นับความสัมพันธ์อื่นๆ 2-3 ครั้งที่ทำให้มีลูกติดมา แต่กว่าจะรู้ว่าเป็นลูกตัวเองก็จากนั้นนานมาก ซึ่งในสารคดีเขายอมรับว่าไม่เคยโกหกเกี่ยวกับการมีผู้หญิงคนใหม่ในแต่ละครั้งด้วย เรียกได้ว่าใครรับได้ก็อยู่ใครรับไม่ได้ก็ไป
ทั้งหมดที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ เปเล่ 7 คนรวมถึง ซานดรา มาชาโด ที่ตอนแรกเขาปฎิเสธไม่ยอมรับ ก่อนที่ศาลจะตัดสินว่าคนนี้คือลูกสาวเมื่อปี 1996 จากนั้นน่าเศร้าที่เธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อปี 2006 โดยเป็นลูกที่เกิดกับแม่บ้านที่ชื่อ อนิเซีย
ส่วนลูกอีก 5 คนได้แก่ เคลลี่, เอดินโญ, เจนนิเฟอร์ และฝาแฝด โจชัว กับ เซเลสเต้ ทั้งหมดมาจากการแต่งงาน 2 ครั้งแรกของ เปเล่ กับ โรเซเมรี กับ แอสซิเรีย เลมอส เซซาส และลูกคนสุดท้ายชื่อ ฟลาเวีย เกิดจากความสัมพันธ์กับนักข่าวที่ชื่อ เลนิต้า เคิร์ทซ์ เมื่อปี 1968
สิ่งนี้เองที่ทำให้ เปเล่ รู้สึกผิดจนถึงทุกวันนี้ว่าตนเองเป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้ไม่รู้ว่าตัวเองมีลูกกับใครบ้างและใครเป็นลูกตน ยิ่งแย่กว่านั้นคือยาเสพติด แม้ไม่ได้มาจากตนเองแต่ก็มาจากลูกชายคือ เอดินโญ ที่เข้าไปพัวพันจนถอนตัวไม่ขึ้น โดยอดีตผู้รักษาประตูถูกตัดสินจำคุก 12 ปีเมื่อปี 2017 จากข้อหายาเสพติดและฟอกเงิน หมดอนาคตไปอย่างน่าเสียดาย สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำว่าตนคือพ่อที่ไม่เอาไหนไม่มีเวลาดูและลูก
อย่างที่บอกไปว่ามีผู้หญิงแทบจะประเคนตัวให้คนดังอย่าง เปเล่ และทำให้ชีวิตแต่งงานของเขาปิดฉากในปี 1982 เพราะเจ้าตัวไปมีสัมพันธ์กับนางแบบสาวชาวบราซิเลี่ยนที่ชื่อว่า ซูซ่า ที่ต่อไปเธอคนนี้ก็ไปเดทกับ อายตัน เซนน่า ตำนานนักแข่งรถ ฟอร์มูล่า วัน แต่จากนั้น เปเล่ ใช้เวลา 12 ปีในการตกหลุมรักอีกครั้งกับ แอสซิเรีย นักร้องสาว แต่ก็จบด้วยการหย่าร้างในปี 2008
ถือเป็นชีวิตในมุมที่น่าติดตามอย่างยิ่งของ เปเล่ ปัจจุบันเจ้าตัววัย 80 ปีอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ริมชายหาดใกล้ เซา เปาโล กับ มาร์เซีย ภรรยาคนที่ 3 ที่แต่งงานกันเมื่อปี 2016 หลังๆ เขาแก่และสุขภาพไม่ดีจึงไม่ได้ปรากฎตัวหน้าสื่อมากนัก ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงสิ่งที่สอนให้ “ราชาลูกหนัง” ที่มีก้าวพลาดพลั้งไปบ้างในชีวิตเรียนรู้ในตอนนี้ก็คือ “ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้จากชัยชนะไม่ใช่ถ้วยรางวัล แต่มันเป็นความโล่งใจมากกว่า”