”ธนาคารออมสิน” เล็งเข้าซื้อกิจการ-ร่วมทุน ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ คาดชัดเจนภายในสิ้นปีนี้และเริ่มธุรกิจในปี 64 ชูดอกเบี้ย 16-18% ต่ำกว่าตลาด หวังแบ่งเบาภาระประชาชน ฟากบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เชื่อออมสินลุยธุรกิจระยะยาวไม่ไหวเหตุผลตอบแทนไม่คุ้มความเสี่ยง
*** “ออมสิน” เล็งซื้อกิจการ-หาพันธมิตร ลุยจำนำทะเบียน
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยกับ “สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย” ถึงความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ ว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างหาผู้ร่วมทุน หรือ ซื้อกิจการ เพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนอย่างเร็วที่สุดภายในสิ้นปีนี้ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1/64
ทั้งนี้การเลือกวิธีหาผู้ร่วมทุน หรือ ซื้อกิจการ แทนการดำเนินกิจการโดยธนาคารออมสิน จะทำให้ธนาคารมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ทั้งเรื่องระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ และการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รวมถึงไม่ติดขัดกับข้อกฎหมายของกระทรวงการคลัง
*** หยิบข้อดีอนุมัติไวกว่าแบงก์
ด้านนายอิสระ วงศ์รุ่ง รองผู้อำนวยการ กลุ่มลูกค้าบุคคล ธนาคารออมสิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา สถาบันการเงิน หรือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ไม่สามารถเข้าถึงหรือขยายฐานลูกค้ากลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนได้น้อย เนื่องจากมีกระบวนการขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อที่แตกต่างจากนอนแบงก์ ซึ่งธนาคารจะต้องใช้เวลาในการอนุมัติอย่างน้อย 1 – 3 วันทำการ ในขณะที่กลุ่มนอนแบงก์จะใช้เวลาเพียง 15 – 30 นาทีเท่านั้น
ขณะเดียวกัน กลุ่มนอนแบงก์ยังมีการบริหารจัดการหนี้เสียได้คล่องตัว เช่น หากผิดนัดชำระหนี้ 91 วันจะตัดขายหนี้ออกทันที เนื่องจากกลุ่มทะเบียนรถ จะมีในเรื่องของค่าเสื่อม และหากเก็บไว้อาจไม่คุ้มค่า ดังนั้น การที่ธนาคารจะหาพันธมิตรเข้ามาดำเนินการนั้น จะช่วยในเรื่องของความเร็วในการอนุมัติสินเชื่อ และการจัดการหนี้เสียด้วย
*** ชูดอกเบี้ยต่ำ 16 – 18% เน้นแบ่งเบาภาระประชาชน
นายวิทัย ระบุเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้เป้าหมายของในการรุกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถของธนาคาร เป็นอีกหนึ่งแผนเร่งด่วนในการเป็น Social Banking หรือธนาคารเพื่อสังคมที่ช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย และกลุ่มฐานราก เพื่อช่วยลดภาระด้านดอกเบี้ยให้กับประชาชนตามนโยบายรัฐบาลที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน
เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดจำนำทะเบียนรถเป็นกลุ่มที่คิดดอกเบี้ยค่อนข้างสูง และไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจุดนี้ที่ทางธนาคารจะเข้ามาช่วยเหลือ และช่วยให้อัตราดอกเบี้ยปรับลดลงมาได้ โดยเบื้องต้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อดังกล่าวที่ทางธนาคารคิดไว้จะอยู่ที่ระดับ 16-18% จากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดอยู่ที่ประมาณ 24%
“เรื่องสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ได้เสนอคณะกรรมการของธนาคาร (บอร์ด) ไปแล้ว ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบ และเสียงสนับสนุน เพราะจะเป็นประโยชน์กับประชาชนและกับตัวแบงก์เอง ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนแบกรับภาระดอกเบี้ยสูงมาก เราเลยเข้ามาเพื่อช่วยลดดอกเบี้ยลงซึ่งจะช่วยลดภาระประชานไปในตัว ในสิ้นปีจะได้เห็นชัดว่าผู้ร่วมทุนจะเป็นใคร ”นายวิทัย กล่าว
สำหรับปัจจุบัน กลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ มีพอร์ตทั้งระบบทั้งสิ้นประมาณ 100,000 ล้านบาท คิดเป็นลูกหนี้ประมาณ 3.04 ล้านราย
*** โบรกฯเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ ทำได้ไม่นาน
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า การเข้ามารุกตลาดสินเชื่อนอนแบงก์ของธนาคารออมสิน โดยการตั้งเป้าหมายเพื่อช่วยแก้ปัญหาสินเชื่อนอกระบบและให้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า 10% เทียบกับ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC และ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ที่ 20 – 25%
เชื่อว่าเป็นเรื่องยากที่ธนาคารออมสินจะดำเนินธุรกิจนี้ได้ในระยะยาว เนื่องจากสินเชื่อจำนำทะเบียนมีความเสี่ยงดั้งนั้นด้วยอัตราดอกเบี้ยเพียง 10% จะทำให้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงไม่น่าดึงดูด และอาจต้องใช้เครดิตบูโรหรือบัญชีธนาคารเพื่อใช้อนุมัติสินเชื่อด้วย จึงน่าจะเป็นการดึงลูกค้าจาก บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO มากกว่า
*** แนะช่วงตลาดแตกตื่นเก็บ MTC-SAWAD
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุเพิ่มเติมว่า ราคาหุ้น MTC และ SAWAD ที่ลดลงจากข่าวธนาคารออมสิน เป็นจังหวะดีในการเข้าสะสมหุ้น เพราะลูกค้าจะเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกัน
MTC แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 55 บาท
โดยคาดว่า MTC จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ออกมาแกร่งที่ 1.25 พันล้านบาท โต 22% YoY และ 1% QoQ จาก NII ที่สูงขึ้น แม้ภาครัฐจะแจกเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และการเลื่อนเปิดโรงเรียนจะทำให้ความต้องการสินเชื่อใหม่ชะลอออกไป โดย MTC จะประกาศงบไตรมาส 2/63 ในวันที่ 11 ส.ค.นี้
SAWAD แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 60 บาท
ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 ไว้ที่ 1 พันล้านบาท โต 18% YoY และ ทรงตัว QoQ เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมทื่อ่อนตัวจะชดเชยกับต้นทุนสินเชื่อที่ลดลง คาดสินเชื่อทรงตัว QoQ และ non-NII ลดลง 6% QoQ เนื่องจากค่าปรับและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อลดลง แต่การตั้งสำรองจะลดลง 20% YoY เนื่องจากลูกค้าจะนำเงินสดที่ได้รับจากรัฐบาลแจกมาชำระหนี้