ในที่สุดรัฐบาลสหราชอาณาจักร (อังกฤษ,สกอตแลนด์,เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ) ที่นำโดย บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยกเลิกการให้แฟนกีฬา เข้ามาชมการแข่งขันในสนามจนได้ จึงส่งผลให้สนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก 2020 รอบสุดท้าย ที่โรงละครครูซิเบิลเธียร์เตอร์ เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ต้องทำการดวลคิวแบบไม่มีคนดู นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ไปจนจบทัวร์นาเมนต์ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้
เท่ากับว่า ศึกสอยคิวชิงแชมป์โลก 2020 ที่กำลังดวลคิวกันอยู่ในเวลานี้ เปิดให้แฟนสนุกเกอร์เข้ามาชมการแข่งขันเพียงวันเดียวเท่านั้น ก็คือวันแรกของการชิงชัย เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เดิมที การแข่งขันสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก 2020 ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลแดนผู้ดี ให้เป็น 1 ใน 3 ทัวร์นาเมนต์กีฬานำร่องในประเทศอังกฤษ ที่เปิดให้แฟนกีฬา กลับเข้ามาชมในสนามอีกครั้ง ร่วมกับศึกคริกเกตนักกระชับมิตร และม้าแข่งรายการกูดวิว ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวด โดยสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก 2020 จะเปิดให้แฟนสอยคิว เข้ามาชมได้ไม่เกิน 300 คนต่อ 1 รอบแข่งขัน จากความจุทั้งสิ้น 981 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่ยังไม่น่าไว้วางใจ จนอาจมีการระบาดอย่างรุนแรงเป็นระลอกที่ 2 ได้ทุกเมื่อ ประกอบกับศึกสอยคิวชิงแชมป์โลกวันแรก เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีแฟนสนุกเกอร์หลายคน ที่เข้ามาชมในครูซิเบิลเธียร์เตอร์ แล้วไม่ยอมปฏิบัติตามระเบียบของฝ่ายจัดการแข่งขันอย่างเห็นได้ชัด อาทิ ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย(mask) และยังไม่นั่งแบบเว้นระยะอีกด้วย จึงมีผลให้รัฐบาลประกาศงดให้แฟนสนุกเกอร์เข้ามาชมในสนามในที่สุด
ด้าน แบร์รี่ เฮิร์น ประธานเวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์(WST) คงรู้สึกเสียดายไม่น้อย เนื่องจากเขาคือบุคคลที่ผลักดันให้สนุกเกอร์ชิงแชมป์โลกหนนี้ กลับมามีคนดูสนามมาโดยตลอด เพื่อต้องการให้บรรยากาศการแข่งขันดูคึกคักเหมือนในยามปกติ แต่พอรัฐบาลมีคำสั่งเช่นนี้ออกมา ก็ต้องปฏิบัติตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส่วนอีกคนที่รู้สึกเสียดายไม่แพ้ แบร์รี่ เฮิร์น ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แอนโธนี แฮมิลตัน นักสอยคิวมือ 48 ของโลกจากอังกฤษ ที่ชิงถอนตัวก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มเพียงวันเดียว เนื่องด้วยเป็นโรคหอบหืด จึงยังไม่พร้อมที่จะลงแข่งขันโดยที่มีแฟนสนุกเกอร์เข้ามาชมในสนาม
การตัดสินใจถอนตัวดังกล่าว ได้ทำให้นักสอยคิววัย 49 ปีรายนี้ โดนแฟนสนุกเกอร์ รวมไปถึงนักสนุกเกอร์ด้วยกันเอง รุมกระหน่ำต่อว่าในทางที่เสียๆหายๆบนโลกออนไลน์ เนื่องจากไม่ยอมถอนตัวออกจากการแข่งขันตั้งแต่แรก
ด้าน จัดด์ ทรัมป์ มือ 1 ของโลก ที่ลุ้นป้องกันแชมป์โลกในปีนี้ให้ได้ ได้ตราหน้านักสอยคิวรุ่นน้ารายนี้ว่า เป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะการมาถอนตัวในวันที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มเพียงวันเดียว ได้ทำให้การแข่งขันเสียหาย โดยเฉพาะโปรแกรมการแข่งขันในรอบแรกที่ แฮมิลตัน จะพบกับ ไคเรน วิลสัน มือ 8 ของโลกจากอังกฤษ ต้องหายไป 1 แมตช์
นอกจากนี้ ยังเสมือนเป็นการปิดกั้นโอกาสการเข้ามาแข่งในครูซิเบิลเธียร์เตอร์ของ แซม เครกี มือ 61 ของโลกจากอังกฤษ และ สกอต โดนัลสัน มือ 23 ของโลกจากสกอตแลนด์ สองคู่แข่งที่แพ้ให้กับ แฮมิลตัน ในรอบคัดเลือกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลอังกฤษออกมาประกาศห้ามไม่ให้แฟนสนุกเกอร์เข้ามาชมในสนามได้เร็วกว่านี้ แฮมิลตัน ก็คงไม่ต้องถอนตัว และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นเงินรางวัล 500,000 ปอนด์(20 ล้านบาท)สำหรับการเป็นแชมป์โลกต่อไป อีกทั้งก็คงไม่โดนกระหน่ำต่อว่า เหมือนกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้อีกด้วย
เมื่อมองให้ละเอียดแล้ว ก็จะพบว่า ต้นตอของปัญหาที่แท้จริง มาจากการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดของรัฐบาลอังกฤษ
ในปัจจุบัน สหราชอาณาจักร(อังกฤษ,สกอตแลนด์,เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ) มีประชากรติดเชื้อมากเป็นอันดับ 11 ของโลก ด้วยจำนวน 3 แสนกว่าคน ซึ่งถือเป็นประเทศที่ยังไม่ปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19
อีกทั้ง การที่สนุกเกอร์เป็นกีฬาในร่ม(Indoor) ซึ่งต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ(แอร์)ตลอดเวลาของการแข่งขัน จึงมีโอกาสสูงที่เครื่องปรับอากาศ จะทำให้เชื้อจะแพร่กระจายมากขึ้นกว่าเดิม
กล่าวได้ว่า การที่รัฐบาลอังกฤษ เลือกให้ศึกสนุกเกอร์ชิงแชมป์โลก 2020 เป็น 1 ในทัวร์นาเมนต์กีฬานำร่อง ที่เปิดให้แฟนกีฬา เข้ามาชมในสนามได้อีกครั้ง นับเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ก่อนที่จะไหวตัวทัน ด้วยการยกเลิกไม่ให้คนเข้ามาดูในสนามในที่สุด
ถิรพัฒน์ ณ ลำปาง
Add friend ที่ @Siamsport