เมื่อช่วงดึกของวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง บุกไปที่บ้านของนายธนกฤต สถิจชรา ย่านพุทธมณฑลสาย 2 เขตบางแค ก่อนจะเกิดเหตุยิงกัน แต่ฝ่ายที่ไปหากลับถูกยิงจนได้รับบาดเจ็บ 1 คน
ตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรอยกระสุนปืนที่รถของกลุ่มที่ไปพบนายธนกฤต ถูกยิง จำนวน 15 นัดและมีปลอกกระสุนปืนตกอยู่อีกหลายนัด สาเหตุเชื่อว่ามาจากความขัดแย้งเรื่องธุรกิจหน้ากากอนามัยแต่ไม่ทิ้งคดีเกี่ยวกับยาเสพติด
ภาพจากกล้องวงจรปิดก่อนที่ตำรวจจะเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ เพื่อสอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ โดยนายธนกฤต สถิจชรา อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 23.54 นาทีของคืนที่ผ่านมา กลุ่มผู้ก่อเหตุขับรถมาที่บ้าน 3 คัน ซึ่ง 1 ในนั้นรู้จักมาก่อน เพราะอยู่ในแวดวงธุรกิจเดียวกัน แต่เคยโทรศัพท์มาข่มขู่และขอนัดเคลียร์ปัญหากันที่บ้าน
โดยสาเหตุมาจาก ก่อนหน้านี้ เข้าไปช่วยเหลือผู้เสียหายกลุ่มหนึ่ง ที่ถูกหลอกขายหน้ากากอนามัยออนไลน์ ทางเพจเฟซบุ๊กต่างๆ มูลค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท จึงได้ไปปรึกษากับทนายความ เพื่อให้ดำเนินคดี เป็นเหตุให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่พอใจ และกล่าวหาว่า เขากับภรรยาเป็นผู้กักตุนหน้ากากอนามัยเอง จึงแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทและมีปัญหาทะเลาะกันเรื่อยมา ช่วงเกิดเหตุ เมื่อนักธุรกิจกลุ่มดังกล่าวขับรถมาเกือบจะถึงหน้าบ้าน จึงเดินออกไป คู่กรณีเปิดฉากยิงเข้าใส่ก่อน จึงยิงเพื่อป้องกันตัว
พันตำรวจเอก นครินทร์ สุคนธวิท รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล9 เปิดเผยผลการตรวจสอบรถปอร์เช่ของคู่กรณีที่จอดทิ้งไว้ พบรอยกระสุนปืน 15 นัด ส่วนใหญ่ถูกยิงจากด้านหลัง และเจ้าหน้าที่เก็บปลอกกระสุนได้จำนวนหนึ่ง พบเป็นปืนลูกซอง 5 ปลอก, และปลอกกระสุนขนาด 9 มม. อีก 3 ปลอก และในกล่องเก็บของภายในรถยังพบมีดพับอีก 2 เล่ม
ซึ่งกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าคนที่หน้ารถวิ่งหนีไปก่อนที่นาย ธนกฤต จะใช้ปืนยิงใส่ ตำรวจยึดปืนลูกซองและปืนขนาด 9 มม. ของนายธนกฤตมาตรวจสอบ แต่นอกจาก 2 กระบอกนี้ยังมีกระสุนปืนที่มาจากปืนอีก 1 กระบอก อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามาจากกระบอกไหน
เบื้องต้นตั้งประเด็นมาจากความขัดแย้งธุรกิจเรื่องซื้อขายหน้ากากอนามัย ซึ่งตัวนายธนกฤต อ้างเพียงว่าเป็นตัวกลางเจรจาให้กลุ่มผู้เสียหายที่ถูกโกงเท่านั้น
ล่าสุด ตรวจสอบพบว่า คนขับรถปอร์เช่คันที่ถูกยิง คือ นาย อธิป ขวัญบุญ เป็นผู้ต้องหาในคดีกักตุนหน้ากากอนามัย มีความเชื่อมโยงกับอดีตนักการเมืองคนหนึ่งที่ตกเป็นผู้ต้องหากคดีกักตุนหน้ากากอนามัย เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
และกำลังติดตาม ผู้ก่อเหตุกับพวก ประมาณ 7 คนมาสอบปากคำก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะฟ้องดำเนินคดีกับใครบ้าง
ซึ่งล่าสุดตำรวจ พบว่า มูลเหตุที่แท้จริงอาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย โดยพบว่า รถที่นำมาใช้ก่อเหตุเช่ามาจากเต็นส์ แห่งหนึ่ง เมื่อตรวจปัสสาวะคนที่มารับรถพบสารเสพติด จึงเตรียมขยายผลควบคู่กันไปทั้ง 2 คดี