ร้านอาหารในสหรัฐกว่าหมื่นแห่งปิดกิจการถาวรหลังเจอพิษโควิด-19 ทำร้านอาหารมีอัตราปิดกิจการแซงหน้าภาคค้าปลีก คาดยอดความเสียหายทั้งธุรกิจสูงถึง 120,000 ล้านดอลลาร์
เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ Yelp เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับผลกระทบที่โควิด-19 มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ว่า 60% ของร้านอาหารที่ระงับบริการไปในช่วงไวรัสระบาดตัดสินใจปิดกิจการเป็นการถาวร หลังจากการระบาดในสหรัฐยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร้านอาหารเปิดให้บริการได้อย่างไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งยังต้องเจอกับความเข้มงวดด้านสาธารณสุขและปัญหาอื่นๆ
ในบรรดาร้านอาหาร 26,160 แห่ง ที่ระงับบริการนับถึงวันที่ 10 ก.ค.นั้น ปรากฏว่า 15,770 แห่ง ตัดสินใจปิดกิจการอย่างถาวร ทำให้ธุรกิจร้านอาหารมีอัตราการปิดกิจการสูงที่สุด แซงหน้าภาคค้าปลีกไปแล้ว
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ปกติร้านอาหารได้ส่วนต่างกำไรไม่มากนัก แถมยิ่งเจ็บปวดหนักขึ้นเมื่อต้องปิดบริการยามเกิดโรคระบาด
บรรดาเจ้าของร้านพยายามหาทางปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นการหันไปให้บริการออนไลน์ การปรับรายการอาหาร ปรับช่วงเวลาให้บริการ หันไปบริการเดลิเวอรี่ ให้สั่งอาหารกลับบ้าน และปรับจุดให้บริการ คือให้ไปรับอาหารบริเวณริมฟุตพาท
ร้านอาหารจำนวนมากประสบความสำเร็จ หลังจากหันไปเพิ่มบริการทำอาหารกลับบ้านและเดลิเวอรี่ รวมถึงบริการไดรฟ์ทรู บางร้านทำชุดอาหารพร้อมนำไปปรุง และเครื่องดื่มพร้อมนำไปผสม โดยการปรับตัวหรือปรับรูปแบบธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์นั้นดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง คือต้องปรับมากกว่าหนึ่งครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยบางร้านปรับรูปแบบถึง 6 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม สำหรับร้านอาหารที่ไม่ค่อยมีเงินทุน หรือไม่สามารถลงมือปรับเปลี่ยนได้บ่อยครั้งตามสถานการณ์ที่ผันผวนอย่างมากนั้นก็ต้องปิดกิจการไปอย่างถาวร
สถิติของทางการสหรัฐ ระบุว่า ธุรกิจร้านอาหารสูญเสียรายได้และตำแหน่งงานมากกว่าธุรกิจอื่นๆ การสำรวจของสมาคมร้านอาหารแห่งชาติสหรัฐเมื่อเดือน มิ.ย. พบว่าธุรกิจร้านอาหารสูญเสียยอดขายไปเกือบ 120,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 3 ล้านล้านบาท ในช่วง 3 เดือนแรกที่เจอโรคระบาด
ทั้งนี้ แม้ผู้คนเริ่มกลับมากินอาหารตามร้าน ในรัฐที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ อันทำให้ยอดขายขยับขึ้นเมื่อช่วงเดือน พ.ค. แต่ภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารยังห่างไกลจากภาวะปกติ โดยเมื่อเดือน พ.ค. ร้านอาหารและบาร์มียอดขาย 38,600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย. เกือบ 9,000 ล้านดอลลาร์ แต่ลดลงจากเดือน ม.ค. และ ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดไวรัสในสหรัฐถึง 27,000 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ในส่วนของรัฐบาลญี่ปุ่นได้พยายามช่วยเหลือธุรกิจร้านอาหาร และคาดว่าจะจัดแคมเปญ “Go To Eat” หรือ “ไปกินกัน” ประมาณปลายเดือน ส.ค. โดยร้านที่เข้าร่วมแคมเปญต้องดำเนินมาตรการรักษาความสะอาดอย่างเข้มงวด
แคมเปญนี้จะมีการให้คูปองส่วนลดค่าอาหารและเครื่องดื่ม 25% สำหรับใช้กับร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการในเขตที่ออกคูปอง ทั้งยังให้แต้มคิดเป็นมูลค่า 1,000 เยน/คน สำหรับลูกค้าที่ไปกินยังร้านที่จองไว้ทางออนไลน์