ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยเฉพาะบรรดาคนผิวสีที่มักจะต้องต่อสู้กับสายตาและคำพูดจากบางคนในเชิงเหยียดผิว โดยเฉพาะในวงการกีฬาที่มักจะตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่ายจากกองเชียร์ ซึ่งเรื่องนี้ ดิว็อค โอริกี้ รู้ซึ้งเป็นอย่างดีเพราะเขาประสบกับเหตุการณ์ที่เจ็บลึกในวัยแค่ 12 ปีเท่านั้น
โอริกี้ กองหน้าซูเปอร์ซับของ ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019/2020 เปิดใจเกี่ยวกับชีวิตที่สุดแสนรันทดในวัยเยาว์ เพราะโดนเหยียดผิวและถูกประณามหยามเกียรติราวกับไม่ใช่มนุษย์มาตั้งแต่อายุ 12 จากพ่อของนักเตะคู่แข่งรายหนึ่ง
ย้อนไปในช่วงวันวานที่ โอริกี้ ตอนที่ยังเป็นเด็กปั้นให้กับ เกงค์ สโมสรในประเทศเบลเยียม เจ้าตัวต้องพบกับเรื่องราวที่กรีดหัวใจมาตลอดจากเสียงตะโกนะและเรียกตนต่างๆ นานาราวกับไม่ใช่คนหลังต้นสังกัดของตนซัดประตูนำห่าง 4 ลูกในช่วงระหว่างที่ลงแข่งเกมระดับเยาวชน
โอริกี้ เปิดใจถึงเรื่องราวในครั้งนั้นผ่านวีดิโอ อินสตาแกรม ทีวี กับเว็บไซต์บลีชเชอร์ รีพอร์ต ถึงผลกระทบที่เขาได้รับจากสิ่งที่เกิดขึ้นจนน้ำตาหลั่งริน “เขา (พ่อของนักเตะคู่แข่ง) ยืนอยู่ตรงนั้น เขาเป็นชายแก่, ผิวขาว, ผมสีดอกเลา แล้วก็ตะโกนด่าผม เขาพูดจาเหยียดผิวผม เรียกผมต่างๆ นานา”
“ผมจำได้ว่ามองไปที่เขา และยิ่งผมมองไปที่เขา เขาก็ยิ่งแสดงอาการก้าวร้าวมากยิ่งขึ้น เขาพูดว่าผมอายุเยอะกว่าคนอื่น เพราะสีผมของผม เพราะผมตัวสูงกว่าคนอื่น แม้ว่าผมจะบอกว่าสิ่งที่เขาพูดมันทำให้ผมเจ็บปวด มันกัดกินลึกเข้าไปในหัวใจ การเหยียดผิวผม และการเปรียบผมเป็นอะไรต่างๆ นานาราวกับไม่ใช่คน”
“ไม่ใช่ว่าผมมองเขาไม่ดี หรือพูดอะไรผิดๆ ผมพยายามที่จะเล่นต่อไป แต่ผมไม่สามารถทำได้ สุดท้ายผมก็ร้องไห้ออกมา นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้ต่อหน้าผู้คนมากมาย เพื่อนร่วมทีมของผมแบบว่า – มันเกิดอะไรขึ้น ?- รู้ไหม ตอนนั้นคุณอายุแค่ 12 ปี แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?”
ดาวยิงชาวเบลเยียม กล่าวต่อไปว่าตอนนั้นตนรู้สึกประหลาดใจ และสงสัยว่าทำไมชายคนนั้นถึงจ้องพูดจาโจมตีเขาเยอะขนาดนั้น หรือเป็นเพราะเขาทำผลงานได้ยอดยเยมในการสู้กับทีมของลูกชายเขา “ผมยังจำได้ตอนที่เดินทางกลับบ้านมันเป็นเรื่องที่สุดแสนยากลำบาก เพราะคุณอยู่ในสถานะที่คุณรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน คุณรู้สึกโดนทำร้าย และอ่อนแอ”
“ในวัยแค่ 12 ปี คุณไม่เข้าใจเกี่ยวกับทัศนคติแบบนั้น ในที่สุดคุณก็ต้องจบลงด้วยความเศร้าหมอง และเมื่อคุณได้พูดคุยกับพ่อแม่ในเรื่องนี้ พ่อของผมบอกว่ายังมีอีกหลายคนที่ให้ความเคารพในตัวผม ผมยังจำคำถามในตอนนั้นได้เลย – ทำไม ทำไมเขาถึงทำกับผมแบบนี้ ? ทำไมถึงมีคนที่ทำเรื่องแบบนี้ ?-“
“สิ่งเดียวที่พ่อของผมสามารถทำได้ก็คือการแสดงความเห็นอกเห็นใจ และแม้ว่าท่าจะไม่ได้อยู่ที่นั่น ผมจำได้ว่าท่านอยากที่จะไปอยู่ที่นั่นเพื่อที่จะปกป้องผม สิ่งเดียวที่ท่านพูดก็คือยังมีบางสิ่งที่ลูกอาจจะไม่เข้าใจ แต่พยายามมีสมาธิกับตัวเอง และมองว่าลูกเป็นใคร มาจากไหน เพราะมีหลายคนที่ไม่พอใจ และไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าลูกมีสีผิวที่แตกต่าง”
ส่วนคำถามที่ว่าเขาอยากจะพูดอะไรกับตัวเองในวัย 12 ปี โดย กองหน้าเจ้าของแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่า “ผมจะส่งข้อความไปหา ดิว็อค ในวัย 12 ปี แล้วก็บอกให้เขาพยายามสู้ต่อไป และทำให้ตัวเองฉายแสงเจิดจรัสออกมา มีคนพยายามที่จะทำให้แสงในตัวของคุณสลัวลง ดังนั้นต้องกล้าหาญ”
การโดนพ่อแม่ของเด็กคู่แข่งเหยียดผิวขนาดนั้นส่งผลกระทบอะไรบ้างกับตัวเขา โดย โอริกี้ ยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพื่อบททดสอบให้แข็งแกร่ง “มันเป็นบททดสอบสำหรับผม ผมอยากจะบอกว่าในช่วงเวลานั้นมันคือบททดสอบ การเป็นคนดำมันก็มากพอแล้ว และคุณสามารถเดินไปด้วยความมั่นใจเพราะคุณถูกสร้างขึ้นมาตามแนวทางที่งดงาม”
ทอมเม้ง
ขอบคุณ : instagram.com/brfootball
Add friend ที่ @Siamsport
Getty Images
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]