ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เผย พิษโควิด-19 กระทบรายได้ปี 2563 หดตัว 20-25% เร่งปรับโครงสร้างองค์กร ปั้นบุคลากรเจนใหม่เสริมทัพ ลงทุนเทคโนโลยีสู่การทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กร มั่นใจปี 2565 นำองค์กรโตก้าวกระโดด
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาชนะใส่อาหารเมลามีนซูเปอร์แวร์ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดไวรัสของโควิด-19 นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ธุรกิจของศรีไทยซุปเปอร์แวร์ได้รับผลกระทบจากยอดออร์เดอร์ลดลงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สำหรับรายได้ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา 1,923 ล้านบาท หดตัวลง 20.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 2,414 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้ของบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน ไตรมาสแรกของปี 2563 มีรายได้ 305 ล้านบาท หดตัวลง 37% จากเมื่อปีที่ผ่านมาราว 484 ล้านบาท 2.ผลิตภัณฑ์เพื่องานอุตสาหกรรม ไตรมาสแรก ปี 2563 มีรายได้ 1,558 ล้านบาท หดตัว 18.5% จากเมื่อปีที่ผ่านมาราว 1,912 ล้านบาท และ 3.แม่พิมพ์และอื่นๆ ไตรมาสแรก ปี 2563 มีรายได้ 60 ล้านบาท มีอัตรการเติบโตเพิ่มขึ้น 233.3% จากเมื่อปีที่ผ่านมาราว 13 ล้านบาท
จากตัวเลขรายได้ไตรมาสแรกนั้น บริษัทมองว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาส 2 เริ่มได้รับผลกระทบเต็มที่ และเชื่อว่าสถานการณ์ไตรมาส 3 ก็ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว เพราะขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดที่สามารถผลิตวัคซีนได้ ดังนั้น ประมาณการว่ารายได้ของบริษัททั้งปีอยู่ในภาวะหดตัว 20-25% จากเมื่อปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้กว่า 8,900 ล้านบาท
สำหรับสถานการณ์ธุรกิจของบริษัทในต่างประเทศ ในอินเดียมีโรงงาน แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นาทีนี้ขอแค่บริษัทประคองตัวอยู่ได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพารายได้จากประเทศไทยก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ส่วนในเวียดนามนั้น ธุรกิจไปได้ดีและมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากเศรษฐกิจของเวียดนามยังมีอัตราการเติบโตที่ดี และธุรกิจในประเทศเมียนมาค่อยๆ เติบโต แต่ยังเป็นธุรกิจที่มีขนาดเล็ก สำหรับธุรกิจในอินโดนีเซียอยู่ในภาวะที่สดใสและยังสร้างกำไรให้กับบริษัท
และเพื่อฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วยนั้น จึงตัดสินใจปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ มีด้วยกัน 3 ด้าน คือ กรณีแรก เปิดโอกาสให้พนักงานที่ใกล้เกษียณอายุ สามารถเกษียณอายุได้ก่อน โดยจะจ่ายค่าชดเชยให้ในจำนวนเงินที่สูง ซึ่งวิธีในรูปแบบนี้ถือว่าเป็นทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กร โดยเปิดรับพนักงานรุ่นใหม่ในระดับผู้บริหารอายุ 40 ปีขึ้นไปเข้าร่วมงานในองค์กร เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญและนำทัพองค์กรก้าวสู่ดิจิทัล
สนั่น กล่าวต่อถึงการปรับโครงสร้างอีกด้าน คือ ให้พนักงานจำนวน 600-700 คน พักการทำงานชั่วคราว ส่วนนี้ประกันสังคมจะจ่ายเงินชดเชยให้ 62% ของค่าแรง แต่ไม่เกิน 90 วัน หากรัฐบาลไม่ต่อมาตรการดังกล่าว อาจต้องพิจารณาเลิกจ้างในสเต็ปถัดไป นอกจากนี้ ยังปรับเงินเดือนบุคลากรที่มีเงินเดือนสูง โดยเฉลี่ย 10-40% ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ค. ซึ่งการปรับโครงสร้างด้านบุคลากรในครั้งนี้ บริษัทได้สื่อสารให้บุคลากรเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและทุกคนต้องฝ่าวิกฤติร่วมกัน
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2563 ยังไม่ถึงขั้นทำให้บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ขาดทุนหรือขาดสภาพคล่อง สนั่นวางแผนในปี 2564 ลงทุนเทคโนโลยี เพื่อทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กรก้าวสู่ดิจิทัล และปี 2565 มั่นใจว่าศรีไทยซุปเปอร์แวร์จะมีโอกาสทางธุรกิจมากมายและมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดด