วันจันทร์ ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.
25 ล้านปอนด์กับค่าตัวของนักเตะวัย 17 ปี ทำให้ จู๊ด เบลลิงแฮมกลายเป็นแข้งดาวรุ่งที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก ไปโดยปริยาย
เบลลิงแฮม ได้รับการยกย่องว่าคือหนึ่งในดาวเตะพรสวรรค์ของวงการลูกหนังอังกฤษ หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมา เจ้าหนูรายนี้ สร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้เบอร์มิงแฮม ด้วยวัย 16 ปี กับอีก 63 วัน พร้อมลงสนามมากถึง 40 เกม ให้ทัพ “ตราลูกโลก” จนตกเป็นเป้าหมายกับหลายทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป
แต่กัปตันทีมชาติอังกฤษชุดยู -17 รายนี้ เลือกแล้วว่าเขาต้องการจะก้าวไปสู่หนทางที่ถูกต้อง ก่อนจะตัดสินใจเซ็นสัญญาระยะยาว 5 ปี ย้ายไปค้าแข้งกับ หนึ่งในสโมสรที่ปั้นดาวรุ่งขึ้นมาได้ดีที่สุดในโลกเวลานี้อย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เพื่อหวังว่าวันนึงตัวเองจะพัฒนาตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นยอดนักเตะ เหมือนกับใครต่อใครที่เคยค้าแข้งอยู่ในถิ่น ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค
และนี่คือเหล่าขุนพลแข้งที่เคยเป็นดาวรุ่ง ก่อนจะผันตัวเป็นยอดแข้งระดับโลก ภายใต้สโมสรแห่งนี้ มีใครกันบ้างไปดูกัน
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (โปแลนด์)
“เดอะโปลิช มาร์คส์แมน” ย้ายจาก เลช พอซนาน ทีมในบ้านเกิดที่ โปแลนด์ มาค้าแข้งกับทัพ “เบเฟาเบ” ตั้งแต่อายุ 21 ปี และถึงปัจจุบันนี้เขาได้กลายเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเยอรมนีไปแล้ว
4 ฤดูกาลของ เดอะคิงเลวาน ในถิ่น “เสือเหลือง” เขาซัดให้กับทีมไปถึง 103 ประตู จากการลงสนาม 187 เกม พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัย เดเอฟเบ โพคาล อีก 1 สมัย ก่อนจะตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการย้ายไปร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค แบบไร้ค่าตัวเมื่อปี 2014 และทำให้แฟนบอล เดอะเยลโล่วอลล์ ต้องผิดหวังสุดๆ จนรู้สึกว่าถูกทรยศจากคนรักยังไงเสียอย่างงั้น
ที่ บาเยิร์นฯ เลวานดอฟสกี้ สร้างผลงานสุดยอดด้วยการพาทีมเป็นแชมป์ บุนเดสลีกา 8 สมัยติดต่อกัน พร้อมกับคว้ารางวัลดาวซัลโวไปอีก 5 สมัย และฤดูกาลล่าสุดเขาก็ซัดไปถึง 51 ประตู จาก 43 เกมที่ลงเล่น เรียกว่าในวัย 32 ปี ยังโคตรเก่งสุดๆจนกลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะคว้า บัลลงดอร์ ประจำปีนี้น่าเสียดายที่สุดท้าย รางวัลนี้ต้องถูกยกเลิกเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์จากพิษโควิด-19 ซะอย่างงั้น
เจดอน ซานโช่ (อังกฤษ)
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ เบลลิงแฮม เลือกที่จะย้ายมาค้าแข้งในถิ่น ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ก็มาจาก พ่อหนุ่มซานโช่ คนนี้นี่แหละ การอำลายอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาดิโอล่า จากสโมสร แมนฯซิตี้ มาผจญภัยในเมืองเบียร์กับ ดอร์ทมุนด์ ในวัยเพียง 17 ปี ตอนนั้นนับเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ จนปัจจุบัน 3 ปีต่อมา เจดอนก้าวขึ้นมาเป็นแข้งดาวรุ่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกเวลานี้
ฤดูกาลนี้ ซานโช่ ในวัย 20 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นแข้งซูเปอร์สตาร์ประจำทีมอย่างเต็มตัว และยิงไปถึง 20 ประตู บวกกับ 20 แอสซิสต์ แต่จากพฤติกรรมนอกสนามที่ดูจะยังวัยรุ่นเกินไป ทำให้มีโอกาสสูงที่เขาจะถูกปล่อยตัวออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ ด้วยค่าตัวไม่ต่ำกว่า 100 ล้านปอนด์
เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ (นอร์เวย์)
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ใช้ไม่ได้เลยกับ พ่อหนุ่มชาวไร่วัยคะนอง อย่าง เออร์ลิง เบราท์ เพราะเพียงแค่เกมแรกที่เขาตัดสินใจย้ายจาก เรดบูลล์ส ซัลส์บวร์ก มาร่วมทัพ “เสือเหลือง” เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เขาก็ระเบิดฟอร์มร้อนด้วยการซัดแฮททริค ได้ตั้งแต่เกมแรกที่ลงสนามในบุนเดสลีกา ก่อนจะกดไปถึง 7 ประตู จาก 3 นัด พร้อมคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมลีกเยอรมนี ในเดือนแรกทันที
13 ประตู จาก 13 นัด ในบุนเดสลีกา 2 ประตู จาก 2 นัด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 ประตู จาก 1 นัดในถ้วย เดเอฟเบ โพคาล เกิดขึ้นจากการลงสนามให้กับทัพ “เบเอฟเบ” เพียงครึ่งฤดูกาล นั่นแสดงให้เห็นว่า ลูกชายของ อัล์ฟ อิงเก้ ฮาแลนด์ คือของจริง และทำให้ฤดูกาลหน้าเจ้าตัวได้รับมอบเสื้อหมายเลข 9 ไปครองแบบไม่ยากเย็นนัก
คริสเตียน พูลิซิช (สหรัฐอเมริกา)
กัปตัน (ทีมชาติ) อเมริกา อำลากลุ่มอเวนเจอร์สหลังปราบธานอส มาร่วมทีมเยาวชนของ ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่ปี 2015 ด้วยวัยเพียง 16 ปี ในเวลานั้น ก่อนที่จะใช้เวลาเพียง 6 เดือน พิสูจน์ว่า ตัวเองแน่พอที่จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ ในเดือน ม.ค. ปี 2016ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นแข้งกำลังสำคัญต่อจากนั้น
ฟอร์มของ พูลิซิช ยอดเยี่ยมและได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เขาจะทำไป 19 ประตู จาก 127 เกมให้กับ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ฟอร์มไปกระแทกตาสโมสร “สิงห์บลูส์” เชลซี เข้าอย่างจัง และเชื่อว่าเจ้าหนูรายนี้แหละที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทน เอแดน อาซาร์ ได้อย่างแน่นอน จนทีมตัดสินใจทุ่มเงินถึง58 ล้านปอนด์ เพื่อซื้อตัวมาร่วมทัพในช่วงต้นปีที่แล้ว แต่ปล่อยให้ทัพ “เสือเหลือง” ใช้งานไปก่อนจนจบฤดูกาล
จนกระทั่งฤดูกาลนี้ พูลิซิช ได้ร่วมทัพ เชลซี เต็มตัว แม้ช่วงแรกเขาจะยังอยู่ในการปรับตัวร่วมกับทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ดแต่นับตั้งแต่พรีเมียร์ลีก กลับมาเตะหลังโควิด-19 ดาวเตะวัย 21 ปี ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาดีพอที่จะก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่ของทีมอย่างเต็มตัว
มาริโอ เกิตเซ่ (เยอรมนี)
ฮีโร่ของทีมชาติเยอรมนี ผู้ยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในเกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2014 รายนี้ เติบโตขึ้นมาจากอคาเดมี
ของ ดอร์ทมุนด์ ก่อนถูก เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือในสมัยนั้น ดันขึ้น สู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2009 ในวัยเพียง 17 ปี ซึ่งเขาพัฒนาฝีเท้าแบบก้าวกระโดดจนยึดตำแหน่งตัวจริงในฤดูกาลต่อมา ก่อนที่จะคว้ารางวัล โกลเด้นบอย ในปี 2011 ท่ามกลางสายตาแฟนบอลทั่วโลกที่จับจ้องความอัจฉริยะของเจ้าหนูรายนี้ และเชื่อมั่นว่าจะต้องก้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับโลกในอนาคตอย่างแน่นอน จนกระทั่งในปี 2013 เขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค แบบไร้ค่าตัว
ปรากฏว่าใน 2 ฤดูกาลแรก เกิตเซ่ ทำผลงานยอดเยี่ยมให้ทัพ “เสือใต้” และเป็นกำลังสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ 2 ฤดูกาลติดต่อกัน แต่แล้วในปี 2015 เขาต้องโชคร้ายสุดขีด เมื่อเจอปัญหาอาการบาดเจ็บรุมเร้าอย่างหนัก รวมไปถึงป่วยเป็นโรคระบบเผาผลาญบกพร่อง และต้องพักรักษาตัวแบบไร้กำหนด จนทำให้หลังกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ฟอร์มที่เคยมีนั้นหายไปอย่างน่าเสียดาย
จนในปี 2016 เกิตเซ่ กลับมาค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์อีกครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากมายดั่งที่เคยเป็น และในฤดูกาลปัจจุบันก็กลายเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีม หลังมีการยืนยันออกมาแล้วว่าดาวเตะวัย 28 ปีนั้นจะไม่ถูกต่อสัญญาฉบับใหม่ออกไป และถูกปล่อยตัวฟรีในช่วงซัมเมอร์นี้
ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง (กาบอง)
“เดอะ แบทแมน” ย้ายมา แซงต์ เอเตียน ทีมในลีกเอิง ฝรั่งเศส มาร่วมทัพ “เสือเหลือง” ในปี 2013 ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ ซึ่งเวลานั้นในวัย 23 ปี เขายังไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากมายนัก
แต่ด้วยความที่ โอบาเมยอง นั้นสามารถปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถทำประตูได้ตั้งแต่เกมแรกที่ได้รับโอกาสในการลงสนาม ทำให้หลังจากนั้น เขาลงเล่นด้วยความมั่นใจและพัฒนาฝีเท้าแบบฉุดไม่อยู่ จนกลายเป็น
กองหน้าเบอร์ 1 ของทีม พร้อมกับซัดไปถึง 98 ประตู จากการลงสนาม 144 เกม ตลอดระยะเวเลา 5 ปี ที่อยู่กับทีม
พร้อมกันนี้ โอบาเมยอง ก็ยังกลายเป็นขวัญใจแฟนบอล จากการที่เวลายิงประตูเข้า เขาชอบทำท่าดีใจแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นการตีลังกา และที่จำกันได้ติดตาคือสวมหน้ากากแบทแมนร่วมกับ มาร์โก รอยส์ ที่สวมหน้ากาก โรบิน กลายเป็นคู่หูมหาประลัยในเวลานั้น
จนกระทั่งในปี 2018 เขาตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการอำลาทีมย้ายมาค้าแข้งกับ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ซึ่งฟอร์มการถล่มประตูของดาวยิงกาบองรายนี้ก็ยังไม่จางหายไป และกลายเป็นดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว จนถึงเวลานี้ก็ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมเต็มตัว แต่ที่น่าสนใจคือเวลานี้ เจ้าตัวยังไม่ต่อสัญญากับทีมออกไป และมีทีท่าว่าจะย้ายสโมสรอีกครั้งหลังจบฤดูกาลนี้
__________ กาลอป ____________