เผยแพร่:
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
ระยอง – 2 แกนนำเยาวชนภาคตะวันออก พร้อมประธานชมรมสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมภาคตะวันออก ในฐานะทนายความ เข้าแสดงตัวที่หน้า สภ.เมืองระยอง ตามหมายเรียกหลังชูป้ายด่า-ขับไล่นายกรัฐมนตรีเมื่อครั้งลงพื้นที่ จ.ระยอง ยันไม่รับข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (23 ก.ค.) นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำเยาวชนภาคตะวันออก พร้อมด้วย นายณัฐชนน พยัฆพันธ์ และนายภีมเดช อมรสุคนธ์ ทนายความ และยังเป็นประธานชมรมสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมภาคตะวันออก ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองระยอง ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง ตามหมายเรียกตำรวจ สภ.เมืองระยอง เพื่อให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา 4 ข้อ
ประกอบด้วย ทำกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดการระบาดของโรคตามมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานโรคติดต่อความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานโดยไม่มีเหตุอันสมควร และหลบหนีการจับกุมระหว่างการสืบสวน
โดยการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางลงพื้นที่ จ.ระยอง เพื่อให้กำลังใจชาวระยอง และรับฟังปัญหาและผลกระทบจากข่าวการพบทหารอียิปต์ซึ่งติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาอยู่ในพื้นที่เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาตามหมายเรียกตำรวจ สภ.เมืองระยอง ทั้ง 2 คน ได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการต้องผ่านจุดคัดกรองของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีรองผู้การตำรวจภูธร จ.ระยอง ยืนดูสถานการณ์ด้วยตนเอง
นอกจากนั้น ยังจัดให้มีรถควบคุมฝูงชนจอดรออยู่บริเวณริมรั้ว สภ.เมืองระยอง ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ได้รับแจ้งว่าเตรียมพร้อมอยู่บริเวณด้านหลัง สภ. เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงเนื่องจากได้รับรายงานว่าจะมีประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจผู้ต้องหาตามหมายเรียกทั้ง 2 ราย แต่สุดท้ายพบว่าเดินทางเข้ามาเพียง 3 คนเท่านั้น
นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ กล่าวว่า การเดินทางมายัง สภ.เมืองระยอง ในวันนี้เพื่อเป็นการแสดงตัวว่าไม่ได้หลบหนีและยังบริสุทธิ์ใจที่จะต่อสู้คดีในลักษณะอารยะขัดขืน โดยไม่ยอมรับข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวน เนื่องจากตนเองเป็นผู้ถูกกระทำ และเจ้าหน้าที่ยังกระทำการเกินกว่าเหตุที่บริเวณหน้าโรงแรมดีวารี ดีวา เซ็นทรัลระยอง
“วันนั้นเราไปกันแค่ 2 คน และยืนยันว่าได้สวมหน้ากากตามมาตรการด้านสาธารณสุขและเมื่อถูกฉุดกระชากก็ทำให้หน้ากากหลุด และได้มีการเจรจากันก่อนแล้วว่าจะเดินทางไปพบท่านนายกรัฐมนตรีเพื่อสอบถาม ว่านายกฯ จะเยียวยาผู้ได้รับความเดือดร้อนใน จ.ระยอง อย่างไร และจะรับผิดชอบอย่างไรกับกรณีที่ปล่อยให้ทหารอียิปต์เข้ามาในประเทศไทย”
ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าหลบหนีการจับกุม ตนเองขอชี้แจงว่าในวันเกิดเหตุตำรวจไม่ได้พาตัวตนเองและผู้ร่วมถือป้ายอีก 1 รายไปยัง สภ.เมืองระยอง แต่กลับพาไปที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ซึ่งไม่มีพนักงานสอบสวน
“เราก็บอกคนที่นำตัวเราไปให้แสดงตนว่าเป็นใคร แต่ไม่มีใครแสดงตัว และเราก็ไม่รู้ว่าการที่พาเราไปที่ นปพ. จะมีความปลอดภัยหรือไม่ จึงบอกว่าหากไม่ยอมบอกว่าเป็นใครผมก็จะเดินออกไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จากนั้นก็เดินออกมาโดยมีเจ้าหน้าที่ขับรถติดตามประกบมาห่างๆ” นายภาณุพงศ์ กล่าว
ด้าน นายภีมเดช อมรสุคนธ์ ประธานชมรมสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมภาคตะวันออก เผยว่า อยากวิงวอนให้ผู้ใหญ่ในกรมตำรวจ และผู้ใหญ่ในประเทศรับฟังความคิดของเด็กและหาทางแก้ไขในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างสันติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจควรดำเนินการตามขั้นตอนข้อกล่าวหา พร้อมวิงวอนให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองสนใจปัญหาของเด็กรุ่นใหม่เพื่อให้ปัญหาที่เกิดขึ้นลดน้อยลง