ตำรวจในเมลเบิร์น รัฐวิคตอเรีย สั่งปรับสตรีรายหนึ่ง1,652 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (36,500 บาท) ฐานละเมิดคำสั่งล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโรคโควิด-19 ด้วยการเดินทางไกลกว่า 350 กม.กับสามีของเธอ ไปเที่ยวหมู่บ้านออร์บอสต์ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เมืองอีสต์ กิปป์สแลนด์ รัฐเดียวกัน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างรอผลตรวจเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 และเมื่อทราบว่าเธอติดเชื้อจริงๆ ก็ส่งผลให้ห้างร้านอย่างน้อย 12 แห่งในอีสต์ กิปป์สแลนด์ ต้องปิดชั่วคราวเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่ และรอฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ว่าจะเปิดได้เมื่อไหร่ นอกจากนี้ ยังมีตำรวจอีกคนในพื้นที่ที่ต้องกักตัว
แกร์รี สไควร์ เลขาธิการหอการค้าและอุตสาหกรรมออร์บอสต์ กล่าวว่า การมาของสตรีจากเมลเบิร์นวัย 25 รายนี้ ทำให้ธุรกิจในเมืองและเมืองใกล้เคียงต้องเดือดร้อนกันเป็นแถว ซ้ำเติมเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วตลอดสองปีที่ผ่านมา ทั้งจากภัยแล้งและไฟป่า ในบรรดาธุรกิจที่ต้องปิดชั่วคราว รวมถึงผับ 2 แห่ง ร้านอาหารจีน 1 แห่ง ร้านกาแฟ โรงแรมและร้านทำผม ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเร่งสอบสวนโรคทำไทม์ไลน์ว่าเธอไปที่ไหนมาบ้าง
ทิม บุลล์ ส.ส.อีสต์ กิปส์แลนด์ ขอให้ชุมชนอยู่ในความสงบท่ามกลางกระแสโกรธแค้น แม้ว่าการกระทำของผู้ติดเชื้อรายนี้น่าผิดหวังและขุ่นเคือง แต่ก็ไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขได้ เธอยังคงเป็นผู้ติดเชื้อยืนยันรายเดียวเท่านั้นและพวกเราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ส.ส.บุลล์ กล่าวว่า สตรีคนดังกล่าวเคยอาศัยที่อีสต์ กิปส์แลด์ก่อนย้ายไปเมลเบิร์น เธอเข้ารับการตรวจโควิด-19 จากนั้นก็ข้ามไปอีสต์ กิปสแลนด์เมื่อสุดสัปดาห์ ทางการวิคตอเรียยืนยันผลตรวจในคืนวันจันทร์ ( 20 ก.ค.)ว่าเธอติดเชื้อโควิด-19
อีสต์ กิปสแลนด์ ไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรการคุมเข้มที่รัฐวิคตอเรียบังคับใช้ในเมลเบิร์นกับมิตเชล ไชร์ ที่ประชาชนถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ ยกเว้นเพื่อไปทำงานเพราะทำงานจากบ้านไม่ได้ ไปซื้อของจำเป็น มีนัดพบแพทย์ หรือออกกำลังกายประจำวัน