นายธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัท พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ค ประเทศไทยและอินโดจีน กล่าวถึงผลสำรวจทัศนคติขององค์กรในประเทศไทยที่มีต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ซึ่งจัดทำขึ้นในเดือนก.พ.ว่า ปี 2563 องค์กรธุรกิจในไทยวางแผนใช้งบประมาณการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
โดยสาเหตุสืบเนื่องมาจาก ปัญหาด้านภัยคุกคามที่ซับซ้อนและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น การสำรวจพบว่าองค์กรไทย 75% มีแผนเพิ่มงบการลงทุนซิเคียวริตี้โดย 40% ได้แบ่งงบประมาณมามากกว่าครึ่งจากงบไอทีรวม75% มองว่า ภัยคุกคามมีความซับซ้อนขึ้น, 69% ต้องการอัพเกรดเฟรมเวิร์คที่มีอยู่ให้ทำงานได้แบบอัตโนมัติ และ 68% บอกว่าจำนวนภัยคุกคามเพิ่มขึ้น
เขากล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เพิ่มความท้าทายใหม่ๆ และเร่งให้ธุรกิจองค์กรทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ เกิดความตระหนักรู้ด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ สนใจลงทุนด้านคลาวด์ซิเคียวริตี้เพื่อรองรับวิถีการใช้ชีวิตและการทำงานรูปแบบใหม่ๆ แม้ว่าลูกค้าจะมีความระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย การลงทุน ทว่าไซเบอร์ซิเคียวริตี้ถูกยกระดับความสำคัญขึ้นมาเป็นอันดับแรก มีการเพิ่มงบประมาณเพื่อเสริมความปลอดภัยรองรับวิถีชีวิตและการทำงานแบบนิวนอร์มอล บางบริษัทจากเดิมไม่มีแผนการลงทุนเลยกลับหันมาลงมือทำอย่างจริงจัง
โดยระบบที่ลูกค้าสนใจลงทุนอย่างมากคือ การรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์ แอนตี้มัลแวร์ แอนตี้ไวรัส รองรับการเวิร์คฟรอมโฮม การทำงานนอกสำนักงาน นอกสถานที่ รวมไปถึงการลงทุนรูปแบบซอฟต์แวร์แอสอะเซอร์วิสเพื่อรองรับการทำงานของแอพพลิเคชั่นต่างๆ
“ท่ามกลางงบประมาณที่มีอยู่จำกัด แต่โดยภาพรวมผมยังคาดว่าการลงทุนไอทีในประเทศไทยจะยังคงขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ด้วยแต่ละบริษัทต้องมองหาเครื่องมือที่ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสามารถปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ผลกระทบจากโควิดทำให้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการลงทุนทว่าเม็ดเงินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
สำหรับครึ่งปีหลังแนวโน้มการโจมตีทางไซเบอร์จะพุ่งเป้าไปที่ระบบสาธารณูปโภค ไอโอที การขโมยข้อมูลที่สำคัญ รวมถึงข้อมูลตัวตน ฯลฯ ดังนั้นเพื่อศักยภาพการป้องกันพร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจ องค์กรควรใช้ประโยชน์จากเครื่องมือใหม่ๆ ทั้ง ออโตเมชั่นและแมชีนเลิร์นนิ่ง เพื่อปิดโหว่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
พร้อมกันนี้ ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย และอุปกรณ์เชื่อมต่อที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำต้องมีการอบรมสร้างความตระหนักรู้ให้แก่พนักงาน ปรับเปลี่ยนนโยบายการบริหารจัดการ รวมไปถึงปรับแนวคิดการลงทุนซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ปกป้อง ป้องกัน แต่ต้องมีความพร้อมที่จะรับมือกับภัยคุกคามที่อาจเข้ามาได้เสมอ
สำหรับอุปสรรคที่องค์กรไทยเผชิญ หลักๆ มาจากพนักงานขาดความตระหนักรู้ ขาดผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารไม่ให้ความสำคัญ ขณะนี้องค์กร 3 ใน 5 ตระหนักว่าพวกเขาอาจเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์ โดยมีความกังวลถึงการสูญเสียทางการเงิน การสูญเสียข้อมูลภายใน เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา ข้อมูลพนักงาน รวมถึงข้อมูลภายนอก เช่น ข้อมูลการชำระเงินของลูกค้า