วันอังคาร ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.
การแข่งขันฟุตบอล “ลา ลีกา” ของประเทศสเปนได้ปิดฉากลงไปอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมาโดยแชมป์ตกเป็นของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด เป็นสมัยที่ 34 พร้อมกับได้ 3 ทีมตกชั้นเป็นที่เรียบร้อย และกำลังรอทีมขึ้นให้ครบตามโควตาจากการเพลย์ออฟ
การแข่งขันต้องหยุดไปตั้งแต่นัดที่ 27 เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ก่อนจะกลับมาดวลแข้งกันอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา สหพันธ์ลูกหนังแดนกระทิงได้จัดโปรแกรมเตะแบบต่อเนื่องทุกวัน โดยการสู้กันอีก 11 เกม ที่เหลือนั้น “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ขึ้นนำอยู่ที่ 58 แต้ม ตามมาโดย เรอัล มาดริด 56 แต้ม
l ‘ชุดขาว’ ซิว 10 นัด ติดเข้าวิน
เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอล ผงาดกลับไปเป็นแชมป์ฟุตบอลลา ลีกา สเปน ลีกสูงสุดของแดนกระทิงดุได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี และเป็นสมัยที่ 34 ของสโมสร หลังจากบดเอาชนะ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล ลงได้หวุดหวิด 2-1 ในการเตะนัดที่ 37 ซึ่งเป็นนัดรองสุดท้าย หลังจากพวกเขาชนะรวดได้ 10 นัดติดต่อกัน
เรอัล มาดริด ในยุคของ ซีเนอดีน ซีดาน ถือว่ากวาดสำเร็จไปได้อย่างล้มหลาม ในการคุมทัพ 2 สมัยของเขา โดยครั้งแรกตั้งแต่ 4 มกราคม 2016-31 พฤษภาคม 2018 จากนั้นก็เข้ามาทำทีมอีกครั้ง เมื่อ 11 มีนาคม 2019 เขานำทัพได้แชมป์ประกอบด้วย ลา ลีกา 2016-17, 2019-20, ซูเปอร์โกปา เด เอสปันญ่า : 2017, 2019-20, ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก : 2015-16, 2016-17, 2017-18, ซูเปอร์คัพ : 2016, 2017 และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ : 2016 และ 2017
ฝั่งแชมป์เก่า บาร์ซ่า ที่โดนแซงในนัดที่ 30 หลังจากหลุดเสมอกับ เซบีญ่า ที่อันดาลูเซีย จากนั้นหายนะก็เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาชนะ บิลเบา หวุดหวิด แต่ไปเสียแต้มที่เซลต้า และโดนแอตเลติโก มาดริด บุกมาแบ่งคะแนน จากนั้นก็มาพลาดถึงขั้นแพ้คาบ้านให้กับ โอซาซูน่า ทำให้ทุกอย่างจบในนัดที่ 37
l โควตาตะลุยยุโรปที่พลิกผัน
ก่อนจะกลับมาเตะหลังล็อกดาวน์ เซบีญ่า อยู่อันดับ 3มี 47 คะแนน บี้กันอย่างสูสีกับ เรอัล โซเซียดัด ที่มี 46 คะแนนเท่ากับ เคตาเฟ่ ที่แรงต่อเนื่องสองปีติด รวมไปถึง “หมีมหาภัย” แอตเลติโก มาดริด ที่มี 45 แต้ม รวมถึง“ไอ้ค้างคาว”บาเลนเซีย ที่มีอยู่ 42 คะแนน
ลงท้าย ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เข็นทีมมาจบที่ 3 ด้วยการมี 70 แต้มเท่ากับ เซบีญ่า แต่ประตูได้เสียดีกว่า 4 ลูก ทำให้สองทีมนี้เกี่ยวก้อยไปแชมเปี้ยนส์ลีก พร้อมกับ เรอัล มาดริด และบาร์ซ่า
ขณะที่ บียาร์เรอัล ที่ชนะได้ถึง 7 จาก 11 เกมพุ่งพรวดมาอยู่ที่ 5 ได้ไปเล่นยูโรป้า รอบแบ่งกลุ่ม กับ โซเซียดัด ที่จบอันดับ 6 ส่วน กรานาด้า น้องใหม่ไม่ธรรมดาได้ที่ 7 ได้ไปเล่นยูโรป้า รอบคัดเลือก หลังจากเกมสุดท้ายถลุง แอธเลติก บิลเบา4-0 ส่วน เคตาเฟ่ ไปพลาดแพ้ เลบันเต้ ในนาทีสุดท้าย
l ‘นกแก้ว’ ตกชั้น-‘เซลต้า’ เจ๊าอยู่ต่อ
ในโซนตกชั้น “ไอ้นกแก้ว” เอสปันญ่อล ไปไม่รอดเมื่อก่อนกลับมาเตะมี 20 แต้ม ทำท่าจะดีขึ้นแต่สุดท้ายก็ตกชั้นครั้งแรกในรอบ 27 ปี ทำให้ปีหน้าไม่มี “ดาร์บี้แมทช์แคว้นคาตาลุนญ่า”
ขณะที่ก่อนคัมแบ๊ก มีทีมต้องหนีตายถึง 5 ทีม ก็คือ เลกาเนส มี 23 แต้ม, เรอัล มายอร์ก้า 25 แต้ม, เซลต้า บีโก้26 แต้ม, เออิบาร์ 27 แต้ม และบายาโดลิด 29 แต้มสุดท้ายแล้ว เซลต้า บีโก้ รอดตายเมื่อเก็บ 1 คะแนนสำคัญที่บ้านของ เอสปันญ่อล ทำให้ เซลต้า มี 37 แต้ม ขณะที่เลกาเนส เสมอกับ เรอัล มาดริด 2-2 มีอยู่ 36 แต้มตกชั้นไปพร้อมกับ มายอร์ก้า ซึ่งมี 33 แต้ม และเอสปันญ่อล มีเพียง 25 แต้ม
ส่วนทีมที่จะเลื่อนชั้นขึ้นมาได้แล้วตอนนี้ 2 ทีม นั่นคือ กาดิซ กับ อ้วยส์ก้า ที่ทำคะแนนขาดลอยแล้ว ที่เหลืออีก 1 โควตา ต้องลุ้นนัดสุดท้ายของฤดูกาล เพื่อหาทีมมาเตะเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ซึ่งตอนนี้ อัลเมเรีย, คิโรน่า และเรอัลซาราโกซ่า จองพื้นที่แล้ว ส่วนอีกหนึ่งที่ว่างต้องลุ้นกันระหว่าง ฟวนยาบราด้า, เอลเช่ และราโย บาเยกาโน่
l สถิติ…สถิติ…สถิติ
ดาวซัลโว : ลีโอเนล เมสซี่(บาร์เซโลน่า) 25 ประตู,คาริม เบนเซม่า (เรอัล มาดริด) 21 ประตู, เคราร์ด โมเรโน่(บียาร์เรอัล) 18 ประตู
ท็อปแอสซิสต์ : ลีโอเนล เมสซี่(บาร์เซโลน่า) 21 ครั้ง, มิเคล โอยาร์ซาบัล(โซเซียดัด) 11 ครั้ง, ซานติ กาซอร์ล่า(บียาร์เรอัล) 9 ครั้ง
เสียประตูน้อยที่สุด : ติโบต์ กูร์กตัวส์ (เรอัล มาดริด) 20 ลูกจาก 34 นัด, แยน โอบัลค(แอตเลติโก มาดริด) 27 ลูก จาก 38 นัดและอูไน ซิม่อน(แอธเลติก บิลเบา) 29 ลูก จาก 33 นัด
ยิงแฮททริก : 4 ครั้งเป็นของ ลีโอเนล เมสซี่ ถึง 3 ครั้งในเกมกับ เซลต้า บีโก้, เรอัล มายอร์ก้า และเออิบาร์ ส่วนอีกครั้งเป็นของ โจอาควิน จอมเก๋าวัย 38 ปีของ เรอัล เบติสที่ซัดใส่ แอธเลติก บิลเบา
ผู้ยิงประตูแรก : อาริตซ์ อาดูริตซ์ (บิลเบา) พบกับ บาร์เซโลน่า 16 สิงหาคม 2019
ผู้ทำประตูสุดท้าย : โกเก้ (เลบันเต้) พบ เคตาเฟ่19 กรกฎาคม 2020
ใบเหลืองมากที่สุด : เคราร์ด ปีเก้ (บาร์เซโลน่า) และดาเมี่ยน ซัวเรซ (เคตาเฟ่) คนละ 15 ใบ
ใบแดงมากที่สุด : นาบี เฟคีร์ (เบติส), ซูฮาร์ เฟดดาล (เบติส), อี กวาง-อิน (บาเลนเซีย), เคลมองต์ ลองเลต์(บาร์เซโลน่า), อัลแล็ง นียอม (เคตาเฟ่) และ ฟาคุนโด้รอนกาญ่า (โอซาซูน่า) คนละ 2 ใบ
ทีมที่โดนใบเหลืองมากที่สุด : เคตาเฟ่ 130 ใบ
ทีมที่โดนใบเหลืองน้อยที่สุด : เลบันเต้ 71 ใบ
ทีมที่โดนใบแดงมากที่สุด : เอสปันญ่อล กับ เบติส ทีมละ 9 ใบ
ทีมที่โดนใบแดงน้อยที่สุด : บายาโดลิด ไม่โดนเลย