เมื่อธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเติบโต ธุรกิจหนึ่งที่โตตาม คือ ขนส่งพัสดุ โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคอาเซียน ถือว่าเป็นตลาดที่มาแรงและฉุดไม่อยู่ โดยคาดการณ์ว่าใน 2568 ตลาดจะมีมูลค่า 88 พันล้านเหรียญสหรัฐ “เบสท์ เอ็กซ์เพรส” เตรียมปักธงในภูมิภาคอาเซียน
“เบสท์ เอ็กซ์เพรส” วางจิ๊กซอว์การช่วงชิงศึกโลจิสติกส์ โดยเริ่มสยายปีกในรูปแบบแฟรนไชส์ ขยายสาขาบริการครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมกับการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี ระบบซัพพลายเชน และแวร์เฮ้าส์ สำหรับในประเทศไทย วางหมากขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ เพื่อเพิ่มจุดบริการรับ-ส่งพัสดุได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
เจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประธานกรรมการ เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แผนการลงทุนเบสท์ เอ็กซ์เพรส ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ บริษัททุ่มงบราว 5,000 ล้านบาท ในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ซัพพลายเชน และแวร์เฮ้าส์ เพื่อรองรับกับแนวโน้มธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนในปี 2568 คาดว่าจะมีมูลค่า 88 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้ร 32% นับจากปี 2558 มีมูลค่า 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับภาพรวมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในระหว่างประเทศ ในปี 2563-2567 มีอัตราการเติบโต 8% หรือมีมูลค่ากว่า 30 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปี 2563 ตลาดจะมีอัตราการเติบโต 6% ซึงแผนการตลาดในอาเซียน จะขยายธุรกิจไปในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์และกัมพูชา ในเดือนกรกฎาคม 2563 จากเมื่อปีที่ผ่านมา ได้เข้ามาเปิดธุรกิจในประเทศไทยแห่งแรก เนื่องจากมองว่าไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน และขณะเดียวกันได้เปิดธุรกิจโลจิสติกส์ ที่ เวียดนาม เพิ่มเติม
ด้านในประเทศไทย ภาพรวมตลาดธุรกิจขนส่งพัสดุ มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2560-2562) โดยการขยายตัวเฉลี่ย 40% ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซของไทยที่เติบโตเฉลี่ย 18% (อ้างอิงตามผลประเมินจากยูโรมอนิเตอร์ และ dbd.co.th) เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคปรับเปลี่ยนจากโลกออฟไลน์มาสู่ออนไลน์มากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าตลาดขนส่งพัสดุในปี 2563 จะมีมูลค่า 6.6 พันล้านบาท หรือเติบโต 35% จากเมื่อปี 2562 มีมูลค่า 4.9 พันล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้ทุ่มงบ 300 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ เบสท์ เอ็กซ์เพรส (Best Express) ในครึ่งปีหลังในประเทศไทย โดยเบสท์ เอ็กซ์เพรส ตั้งเป้าจะเพิ่มแฟรนไชส์ทั้ง 4 ประเภท อีกกว่า 800 สาขา จากปัจจุบันมีมากกว่า 500 สาขา และปี 2565 จะเปิดเพิ่มครอบคลุมทั่วไทยมากถึง 2,000 สาขา ภายใต้การใช้งบการตลาด 10% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ได้แต่งตั้ง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” และ “น้องกวางเบสท์” หรือ Dear (De ตี้ –Ar เอ๋อ) มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ปลายเดือนกรกฎาคม นี้ จะมีการจัดงานอีเว้นท์เปิดตัว
สำหรับแผนครึ่งปีหลัง 2563 (ระยะสั้น)
- “เบสท์ เอ็กซ์เพรส (BEST Express)” ขยายฐานการตลาดลงพื้นที่ท้องถิ่น (Local Market) เพื่อให้แฟรนไชส์ในแต่ละจังหวัดได้เข้าถึงการทำการตลาดท้องถิ่นของตนเองมากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าท้องถิ่นทั่วไป
- ปรับรูปแบบวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเป็นไทยเพื่อเข้าถึงใจพนักงานท้องถิ่นในแต่ละจังหวัด
- ขยายศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเป็นศูนย์กลางของธุรกิจห่วงโซ่อุปทาน หรือ “HUB Supply Chain” ในการรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
- เชื่อมโยงโลจิสติกส์ทุกมุมทั่วโลก เน้นระบบออนไลน์และเทคโนโลยีระบบ Automatic Tracking System (ระบบแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ)
สำหรับแผนธุรกิจระยะยาว
- เตรียมผนึกรวมเครือข่ายของ เบสท์ เอ็กซ์เพรส ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้ “BEST Global” พร้อมเน้นการขยายแฟรนไชส์ท้องถิ่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากแฟรนไชส์ คือ กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะมีการเติบโตขยายสาขาเพิ่มขึ้นและสามารถยืนด้วยความสำเร็จตัวเองได้
- มุ่งมั่นในการสนับสนุนคู่ค้าพันธมิตรธุรกิจอีคอมเมิร์ซและแฟรนไชน์ท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจแต่ละรายมีลูกค้าสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เบสท์ เอ็กซ์เพรส ชูจุดเด่นผู้ให้บริการการบูรณาด้านซัพพลายเชนแบบครบวงจร โดยเน้นสร้างคุณค่าให้กับลูกค้ามากที่สุดในต้นทุต่ำที่สุดและรวดเร็ว และขณะเดียวกันมุ่งลงทุนทางด้านเทคโนโลยี เพื่อมาเสริมความสะดวกสบายให้กับลูกค้า อาทิ ระบบ Automatic Tracking System (ระบบแจ้งเตือนสถานะพัสดุอัตโนมัติ ผ่าน BEST Application และLine Official Account: @BESTEXPRESSTH)
ปัจจุบันต้องบอกว่าธุรกิจขนส่งพัสดุในประเทศไทย แข่งขันกันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย เคอรี่ เอ็กซ์เพรส หรือกระทั่ง แฟลช เอ็กซ์เพรส เป็นต้น ซึ่งทุกรายในขณะนี้แข่งขันทั้งการบริการที่รวดเร็ว ภายใต้ต้นทุนการขนส่งที่ถูก การนำเทคโนโลยีมาตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น รวมทั้งการแข่งขันด้านพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างแบรนด์และความน่าเชื่อถือ รวมไปถึงการขยายจุดบริการที่ต้องครอบคลุม โดยโมเดลที่มาแรงที่สุด คือการทำแฟรนไชส์นั่นเอง