เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศปลดล็อก 14 ชนิดกีฬา ให้สามารถกลับมาจัดการแข่งขันกันได้แล้ว
แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการปฏิบัติ ตามคู่มือการจัดการแข่งขันของกีฬานั้นๆ ที่ทำขึ้นตามมาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัดด้วย
โดยเน้นบังคับให้แต่ละชนิดกีฬา ต้องทำการตรวจหาเชื้อจากนักกีฬา ก่อนลงแข่งขันเป็นหลัก
เรื่องนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในหมู่ของสมาคมกีฬาต่างๆ
อันเนื่องมาจากต้องใช้งบประมาณไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาอันดับหนึ่งของประเทศ
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องดูแลบรรดานักเตะในสโมสรต่างๆ มากมาย ไล่ตั้งแต่ในลีกสูงสุด อันได้แก่ ไทยลีก 1 ตามด้วย ไทยลีก 2 (เอ็ม 150 แชมเปียนชิพ) ไปจนถึงไทยลีก 3 (ใหม่) ซึ่งเป็นการควบรวมกันของไทยลีก 3 และไทยลีก 4 (เดิม) เข้าด้วยกัน
“บิ๊กโจ” พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ ออกมายอมรับว่า ฟุตบอลลีกได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้อย่างจัง เนื่องด้วยจำนวนนักฟุตบอลที่มีจำนวนมาก หากตรวจแบบเดี่ยว เท่าที่สอบถามจาก 2-3 โรงพยาบาล ราคาต่อหัวอยู่ที่ 3,300-3,700 บาท
เมื่อคิดสะระตะแล้ว ในการตรวจนักเตะทั้งหมดแค่ครั้งเดียวก็ตกราวๆ 15 ล้านบาท เข้าให้แล้ว
และจะยิ่งเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลมากขึ้นไปอีก หากจำต้องตรวจกันหลายครั้ง หรือตรวจก่อนลงเล่นทุกแมตช์ เหมือนอย่างในต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอล ก็ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อสอบถามไปยัง นายทองเจือ ชาติกิจเจริญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ได้รับการยืนยันว่า นักกีฬาสามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ ทั้งการตรวจหาโรค และการรักษา ซึ่งมีโรงพยาบาล 120 แห่งทั่วประเทศรองรับ
นั่นหมายความว่า นายทองเจือ การันตีว่าการตรวจหาเชื้อของนักกีฬา “ไม่ต้องเสียสตางค์แม้สักแดงเดียว”
แต่กระนั้นเพื่อความชัดเจน สมาคมฟุตบอลฯ จึงได้ทำหนังสือสอบถามอย่างเป็นทางการไปยังกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง
ในขณะที่ “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กลับบอกว่า เท่าที่ทราบข้อมูลตอนนี้ ถ้าใช้สิทธิบัตรทอง ค่าใช้จ่ายการตรวจโควิดของนักกีฬา จะลดลงมาเหลือเพียงคนละ 500 – 600 บาทเท่านั้น
ส่วนผมเองเท่าที่ไล่หาข้อมูลดู ก็เห็นแต่เพียงว่า การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยสิทธิบัตรทอง ซึ่งคนไทยทุกคนมีสิทธิ จะต้องเป็นผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง
เช่นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หรืออย่างน้อยที่สุดหากมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งเป็นเจ้าภาพ ก็อนุโลมให้สามารถเข้าไปตรวจหาเชื้อด้วยการใช้สิทธิได้
ระเบียบเขียนไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็นผู้ที่สุ่มเสี่ยง และมีอาการต้องสงสัยเท่านั้น
ซึ่งต้องเรียนตามตรงว่า มาถึงตอนนี้ก็ยังสับสนกับข้อมูล ที่มาจากหลายทิศหลายทาง
แต่ก็เอาเถอะ เรื่องแบบนี้เป็นที่รู้ๆ กันว่ามี “วิธีลัด” มากมาย
ผมเชื่อว่าทำได้ฟรีแน่ ถ้าจะทำกันจริงๆ
ยิ่งสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ด้วยแล้ว ยิ่งมั่นใจว่าทำได้ง่ายกว่าสมาคมกีฬาใดๆ เสียด้วยซ้ำ
เพียงแค่เงาทะมึนที่เป็นแบ็กอัพ กระดิกนิ้วสั่งเด็กในคาถานิดเดียว ขี้คร้านกระทรวงสาธารณสุขจะรีบจัดให้อย่างด่วนจี๋ ไม่มีอิดออด
อยู่ที่ว่าพี่เขาจะทำให้ส่วนรวมหรือเปล่า ?
ส่วนรวมในที่นี้หมายถึง “ทุกชนิดกีฬา” ย่อมได้รับอานิสงส์นี้ไปด้วย
สมาคมฟุตบอลฯ จะกล้า หรือจะแกล้งโง่
มันก็เท่านั้น !!!