“มรกต”เผยวิสัยทัศน์ทีโอทีครึ่งปีหลัง ปรับแผนธุรกิจรับโควิด-19 ปั้นรายได้จากทรัพย์สิน สร้างโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ไม่แข่งเอกชน คาดสิ้นปีกำไรหรือขาดทุนไม่เกิน 100 ล้านบาท
เสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2563 เวลา 05.19 น.
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นายมรกต เธียรมนตรี รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เผยวิสัยทัศน์ หลังจากเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ทีโอที ยังคงต้องรักษาความเข้มแข็งของธุรกิจหลัก และสร้างธุรกิจใหม่ให้เติบโต โดยมุ่งหวังเป็นผู้นำด้านบริการโทรคมนาคมและบริการดิจิทัลที่มุ่งตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมยุคดิจิทัลให้เข้มแข็ง นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล มายกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยได้อย่างยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการหารายได้เพื่อเข้ามาทดแทน
ส่วนผลกระทบจากโควิด-19 ที่แม้ว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการครึ่งปีแรกมากนัก ซึ่งผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2563 ทีโอทีมีรายได้จากการดำเนินงาน 10,159 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อน 1,500 ล้านบาท และ รายได้จากพันธมิตร 16,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อน 1,500 ล้านบาท แต่เริ่มแสดงผลกระทบต่อลูกค้าของทีโอที เช่นการลดขนาดองค์กร ลดต้นทุน
ทำให้ทีโอทีต้องดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าด้วย เช่น ยกเว้นค่าเช่าร้านในทีโอที ให้ส่วนลดหรือมีโปรโมชันช่วยลูกค้า ดังนั้น ทีโอทีต้องยอมรับความจริงและมีการปรับประมาณการณ์กำไรปีนี้ใหม่จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรกว่า 1,000 ล้านบาท เหลือกำไรหลัก 100 ล้านบาท หรือหากจะขาดทุนก็ไม่เกินหลัก 100 ล้านบาท เช่นกัน
“เราต้องยอมรับว่ารายได้ที่คาดว่าจะได้ต้องหายไปดังนั้น จึงต้องหาทางสร้างรายได้ใหม่ที่คาดว่าจะทำได้ ควบคู่กับการลดต้นทุนด้วยการลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงานที่จำเป็นน้อยที่สุด 15% และพยายามลดหรือหาข้อยุติคดีและข้อพิพาทด้วยการจับมือกับคู่แข่งให้กลายเป็นพันธมิตร ธุรกิจที่ไม่สามารถแข่งกับเอกชนได้ ก็เปลี่ยนเป็นการจับมือเป็นพันธมิตรและอาสาเป็นตัวกลางในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานกลางเพื่อให้มีการใช้งานร่วมกัน ลดการลงทุนซ้ำซ้อน”
สำหรับเป้าหมายครึ่งปีหลังนี้ ต้องเร่งดำเนินการอยู่ 3 ประเด็นหลัก คือ 1. สร้างรายได้ ด้วยการนำสินทรัพย์ที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งด้านบริการ อาทิ TOT Fixed Line, TOT Mobile, TOT Fiber 2U และการเพิ่มรายได้จากท่อร้อยสาย โดยเร่งรัดให้ผู้ประกอบการนำสายเคเบิลลงดินตามนโยบายรัฐ ซึ่ง ทีโอที มีเป้าหมายที่จะนำสายสื่อสารลงททอร้อยสายใต้ดินจำนวน 12 เส้นทางในพื้นที่กรุงเทพมหานครฯให้แล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.2563
2. พัฒนาองค์กร ในการควบรวมกิจการ ทีโอที กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที ซึ่งต้องผลักดันให้สามารถจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเอ็นทีได้ภายใน ม.ค.2564 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยการสร้างความสามัคคี ปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความเสมอภาค และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ให้กระทบต่อสิทธิประโยชน์ของพนักงาน และคงสิทธิประโยชน์ขององค์กร
และ 3. พัฒนาบริการ เช่น 5G โดยเริ่มให้บริการ Fixed Wireless Broadband ในพื้นที่ทดสอบ เช่นอาคารสูง ในพื้นที่ห่างไกลที่มีต้นทุนการวางสายสูง และการพัฒนาบริการดิจิทัลด้วยการเพิ่มความสามารถ และการลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ดาวเทียมวงโคจรต่ำ เพื่อรองรับการใช้เทคโนโลยี 5G ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทีโอทีได้เตรียมพร้อมพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอากาศและการเจรจากับพันธมิตรธุรกิจระบบดาวเทียม เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเครือข่ายระบบดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับคนไทยทั้งประเทศในการปรับตัวให้ก้าวทันเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสอดคล้องกับวิถีใหม่ (New Normal) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณเห็นด้วยกับข่าวนี้หรือไม่
-
เห็นด้วย
100%
-
ไม่เห็นด้วย
0%