
“ไม่เสียใจเลยพี่ซึ่งตรงกันข้ามมีความภูมิใจมากกว่าเพราะผมคิดว่าทำเต็มที่แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเซลบี้ดีกว่าแต่ผมจะไม่หยุดแค่ตรงนี้แน่ ผมจะกลับมาอีกและต้องไปให้ไกลกว่านี้ ผมสัญญา”
เป็นประโยคแรกที่ชายสัญชาติไทยวัย28บอกกับผมด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มกว่าวันก่อนตอนที่จบเซสชั่นแรกแล้วออกนำมาร์ค เซลบี้ 5-3 ซะอีก
ใช่ครับ เมื่อทำดีที่สุดแล้วก็ไม่มีอะไรต้องผิดหวัง อาจเสียดายบ้างกับบางลูกแต่อีกนั่นแหละการที่รอบแรกกำราบมืออันดับ10ของโลก ฌอน เมอร์ฟี่ ลงได้ รอบต่อมาก็สู้และสู้จนถึงหยดสุดท้ายกับเจ้าของแชมป์โลกสามสมัยอย่างเซลบี้ก็ควรเดินยืดอกออกจากครูซิเบิ้ลได้ผ่าเผย
ชีวิตของนพพล แสงคำหรือชื่อในวงการ “หมู ปากน้ำ” ผ่านอะไรมามากมาย เรียกว่า”ล้ม”เยอะกว่า”ลุก”ซึ่งก็มีบางตัวอย่างที่อธิบายได้ว่าทำไมผม, เขาและคนไทยทุกคนควรภาคภูมิใจ
“ผมจบแค่ม.3 ตอนนั้นผมต้องเลือกว่าจะเอาดีด้านใด ผมตัดสินใจว่าจะเอาดีให้ได้ทางเล่นสนุกเกอร์ มันไม่ง่ายนะพี่เพราะว่าเพื่อนคนอื่นๆก็เรียนตามปกติกัน กีฬาสนุกเกอร์ก็ไม่ได้จะเป็นกีฬาที่ได้รับการสนับสนุนมากเท่ากีฬาอื่นแต่หมูเลือกแล้ว ผมก็บอกตัวเองว่าต้องทำให้ดีที่สุด” เจ้าตัวเคยเล่าให้ผมฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเมื่อสามปีที่แล้ว

ก็เชื่อไหมว่าทุกวันนี้ “หมู” พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับที่ถือว่าใช้ได้เลย คือสื่อสารกับฝรั่งรู้เรื่อง เขาไม่ได้เรียนพิเศษ ไม่ได้อ่านหนังสือเพิ่ม ด้วยวุฒิแค่มัธยม3นั่นแหละแต่ที่พัฒนาก็มาจากการอาศัยความพยายามที่ฟังคนอื่นคุยไปเรื่อยรวมถึงกล้าที่จะพูด “ผมอาศัยฟังแล้วก็พูดกับเพื่อนฝรั่ง ตอนแรกก็พูดได้แค่เยสกับโนเท่านั้นแหละพี่ มันก็ต้องลองผิดลองถูก หน้าแหกบ้างแต่ทุกอย่างคือการเรียนรู้”
สามปีก่อนตอนที่เขาผ่านเข้ามาเหยียบที่เวทีพรมสีแดงครูซิเบิ้ลได้หนแรกในชีวิต เขาตกรอบแรกด้วยการแพ้หมดรูปให้นีล โรเบิร์ตสัน ตอนนั้นเขาก็ยอมรับว่าโมโหตัวเอง ได้แต่อาศัยแรงขับคราวนั้นผลักดันให้ฮึดสู้ต้องเก่งกว่าเดิมให้ได้
“ผมยอมรับว่าพลาดเยอะมาก คือมันไม่ใช่ผมเลย ถามว่านีล โรเบิร์ตสันแทงดีแค่ไหน เขาก็แทงดีอยู่แล้วแต่ผมเองที่น่าเขกกะโหลก ไม่กดดันเขาเลย เขาแทงไม่เกร็งเหมือนแทงซ้อม ผมต่างหากที่เหมือนคนแบกจักรวาลเอาไว้แม้ต้องตกรอบก็ไม่เสียดายหรอกเพราะแทบไม่มีคนมองว่าผมจะผ่านมาถึงตรงนี้ได้ ผมจะขอเก็บประสบการณ์นี้ไปปรับปรุงตัวเองต่อไป วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายของครูซิเบิ้ลปีนี้แต่มันจะไม่ใช่หนสุดท้ายที่ผมจะมาแน่”

หมู ปากน้ำก็ไม่ใช่นักกีฬาสอยคิวประเภทพรสวรรค์ เรื่องนี้เขาก็ก้มหน้ารับความจริง”ผมกล้าพูดว่าเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ดังนั้นจึงต้องทำงานให้หนักกว่าคนอื่น ผมจะซ้อมวันละ8-12ชั่วโมงเป็นประจำ บางครั้งซ้อมหนักซ้อมได้ดีแต่พอลงแข่งกลับไม่ได้ตามที่หวังก็มี นี่เป็นอุปสรรคของนักกีฬา ยิ่งตอนที่กำลังไต่เต้าขึ้นมาก็เจอคนวิจารณ์เยอะว่าคงไปไม่รอดหรือไปไม่ถึงไหน ผมเองก็ท่องในใจว่าใครที่อดทนและรอเวลาของตนเองได้จะเป็นผู้ชนะที่แท้จริงครับ”
ใช่ครับ นี่แหละที่เรียกว่าพรแสวง
ไม่ใช่แค่นั้น บนโต๊ะอาหารเย็นหลังจบเกมกับเซลบี้ซึ่งเขาเองกินได้เยอะที่สุดในรอบหลายวันก็ยังเปลือยใจเล่าถึงอุปสรรคที่ผ่านมา เคยถึงขั้นคิดหันหลังให้กับอาชีพนักสนุกเกอร์”ก็แพ้ตลอดพี่ แพ้จนท้อจนรู้สึกว่าเราคงเอาดีทางนี้ไม่ได้แล้ว”
กระนั้นวันนี้หมูได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีสิ่งใดเกินความพยายาม ผู้บรรยายทางสถานีบีบีซีซึ่งเป็นเจ้าที่ได้ลิขสิทธิถ่ายทอดสดศึกชิงแชมป์โลกในอังกฤษก็ผลัดกันชื่นชมความมุ่งมั่นของนักกีฬาสายเลือดไทยคนนี้ตลอด ตั้งแต่สตีฟ เดวิสจนถึงสตีเฟ่น เฮนดรี้
ผมก็ถามเจ้าตัวอีกด้วยว่าเซลบี้ได้พูดไรบ้างตอนจบแมตช์”มาร์คบอกว่าเป็นการต่อสู้ที่เขาคงลืมไม่ลงอีกเกม เขายอมรับว่าทุกอย่างเป็นไปได้หมด เขาชื่นชมในตัวหมูครับว่ายกระดับขึ้นมาได้น่าทึ่ง”

ใช่ครับ นี่คือผู้แพ้ที่ได้รับการชูมือ
มันก็มีบางช็อตที่”หมู”ส่ายหัวทุกครั้งที่เอ่ยถึง อย่างเฟรมสุดท้ายลูกที่กันแดงไม่ดีจนทำให้โดนเซลบี้กดไม้เดียวจนแพ้ไป สิ่งที่เจ้าตัวได้บอกก็ทำให้เข้าใจได้ว่าสถานการณ์ของนักกีฬาที่อยู่ในสนามกับผู้ชมที่อยู่หน้าจอต่างกันสิ้นเชิง”ลูกนั้นโดนบีบให้ต้องกันบาง ผมเองก็ไม่กล้าปล่อยบางไปกลัวฟาวล์”
มีหลายสิ่งที่ผมสัมผัสได้ต่อชายจากปากน้ำคนนี้ตลอดช่วงเวลาที่ได้ขลุกอยู่ด้วยกันที่เชฟฟิลด์แต่สิ่งที่นับถือมากที่สุดเป็นหัวใจของเขา
ตรงไปตรงมา…เป็นบางคนก็ถอดใจแล้วแค่เรื่องที่ว่า “ต้องพูดอังกฤษกับฝรั่ง”
อีกเรื่องที่เจ้าตัวได้เล่าให้ฟังก็คือไปขอทางฝ่ายจัดว่าอยากปักธงชาติไทยซึ่งในรอบคัดเลือกโดนห้ามมาอย่างไม่ทราบเหตุผล”ตอนแรกอยากปักที่อกด้วยซ้ำแต่โดนปฎิเสธ ก็เลยเปลี่ยนมาแขนเสื้อเพราะทุกครั้งที่มองไปทำให้เราอยากสู้เพื่อประเทศของเราและคนไทยที่เชียร์เราอยู่”
คนไทยทุกคนครับ เขาคนนี้มีชื่อว่า”หมู ปากน้ำ”
คนที่ทำให้เราภาคภูมิใจ
“ไก่ป่า”
Add friend ที่ @Siamsport





